วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555


ใครที่โสด หรือ ไม่มีคู่ อย่าไปเศร้า เลย เพราะที่มาของ วาเลนไทน์ แท้จริงนั้นเป็นเรื่องเศร้า ที่ไหนมีรักที่นั่นมีทุกข์ จงรักตัวเองให้พอก่อน และเหลือพอที่จะมอบให้คนอื่นโดยไม่หวัง ผลตอบแทน แล้วคุณก็จะได้รักนั้นกลับมาเอง ^^ 




ประวัติ วาเลนไทน์
เทศกาลวาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้น ตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโนผู้เป็น จักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจาก นี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่ง อิสตรีเพศและการแต่งงานและในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาล เฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การ ดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะ ถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่ง กรุงโรม พระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มี ใจคอดุร้ายและทรงนิยม การ ทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโอง การสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและ แต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และขณะนั้น มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนา ดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับและระ หว่างนี้ก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ ของเขาเองขณะที่เขาเป็นนักโทษ เป็น ความเชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิง สาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับ สุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า “From Your Valentine
.
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูก เก็บไว้ที่โบสถ์ พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุม ศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็น ที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทน แห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มา จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเบื้อง หลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะ เป็นตำนานที่มืดมัว แต่เรื่องราวยังคง แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความ กล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจ เลยว่าในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลอง เทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือก หญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ทำไมดินสอ ต้องมียางลบ?
 
บางครั้งเราก็มองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆไปเพียงเพราะใช้เวลาสั้นๆ ในการตัดสินสิ่งนั้นว่า ไร้สาระ
หลายวันก่อน เพื่อนคนหนึ่งถามผมว่า ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ?
ผมไม่ได้สนใจและใส่ใจกับคำถามนั้นสักเท่าไหร่ เพียงแค่รู้สึกว่าเป็นคำถามที่ไม่มีสาระอะไรเสียเลยแต่ก็อดไม่ได้ที่จะตอบเล่นๆไปว่า
ก็คงมีเพื่อความสะดวกมั้งหรือไม่ก็ช่วยให้คนขี้ลืมที่ชอบวางยางลบไม่เป็นที่เป็นทางได้มียางลบใช้มั้ง!
เพื่อนของผมก็อมยิ้ม ก่อนที่จะตอบผม สั้นๆ ว่า ไม่ใช่
อ้าว. . .งั้นเพราะอะไรล่ะ ผมอดที่จะถามไม่ได้
ก็เพราะว่า คนเราสามารถทำผิดกันได้. . . . . . . . . . . . . . . . . .

ผมนิ่งไปครู่หนึ่งหลังจากที่ได้ยินคำตอบและปล่อยให้เจ้าของคำถามเดินจากไปโดยที่ไม่ได้อธิบายอะไรมากไปกว่าคำตอบสั้นๆของเขาเท่านั้น
คำถามของเพื่อนที่ผมเคยมองว่ามันไร้สาระกลับทำให้ผมได้เก็บมาคิดแทบทุกขณะที่สมองว่าง
เย็นวันนั้น ผมจึงหยิบโทรศัพท์เขียนข้อความส่งถึงเพื่อนๆด้วยประโยคที่ซ้ำกัน. . .
ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ?
เพราะคนเรามีสิทธิ์ทำผิดกันได้
แต่จงจำไว้ว่า…
เราไม่ควรใช้ยางลบให้หมดก่อนดินสอเพราะนั่นอาจหมายความว่า เรากำลังทำผิดซ้ำๆจนความผิดนั้นอาจสายเกินแก้
โดยปกติมันเป็นของคู่กัน แต่ถามว่ายางลบก้อนเล็กๆ ช่วยลบข้อผิดพลาดใหญ่ๆ ได้มั้ย?
ได้แต่ไม่สะอาด
มันลบได้แค่คำผิดบางคำ สิ่งผิดๆในอดีตเล็กๆน้อยๆ เพราะฉะนั้น เราว่าอดีตมันไม่ได้แก้ไขกันได้ แค่เป็นสิ่งเตือนให้เรารู้ต่างหากว่าเราทำผิดได้
วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดต้องเริ่มจากตัวเรายางลบเล็กๆใกล้มือ แต่หากมันใหญ่เกินไป ก็ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้ ไม่เสียหาย ไม่งั้นเค้าจะทำยางลบก้อนใหญ่มาเพื่ออะไร
เรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา ดินสอเป็นผู้วาดเขียน…
และสิ่งที่ผิดพลาด จำเป็นต้องใช้ยางลบในการแก้ไขเรื่องราวต่างๆ …
นั่นก็คือ เมื่อทำผิดเราก็ต้องแก้ไข …
และดินสอก็จำเป็นที่จะต้องมียางลบไว้เคียงข้าง…
เพื่อความสมดุลของการอยู่ร่วมกัน …. กับดินสอแท่งอื่นๆ

วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เล่น Angry Birds บน Nokia5800 ได้แล้วจ๊า ^^

สำหรับทุกคนที่รอคอย มาน๊าน นานๆๆๆๆๆ  หรือรู้สึกน้อยอกน้อยใจว่า

ทำไมเครื่อง Nokia อย่างเราๆ ไม่สามารถเล่น เกมส์ สุดฮิตอย่าง Angry Bird

ได้ ตอนนี้มีทางนักพัฒนา ทำเป็น version Java ซึ่งสามารถลงได้บนเครื่องที่

เป็น Symbian S60v5 ได้แล้ว  และเล่นได้อย่างไม่มีปัญหา  ถึงแม้ภาพอาจจะ

สู้ไม่ได้ แต่รับรองความสนุกว่าไม่แพ้กันทีเดียว


ดาวโหลดได้ที่

http://www.4shared.com/file/2o8mAzso/Angry_Birds_Symbian_S60v5.html


ถ้าเกิดใครโหลดไม่ได้ แจ้งมาหน้า Blog นะครับ จะลง Link ให้ใหม่


(บางคนเขาว่าไม่แท้ แต่ยังไง ก็เอาไปเล่นแก้ขัดกันก่อนนะครับ ^^'' )

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

ขืนทำ..................จะช้ำใจ (คำสอนดีๆที่ควรจำไว้)

ได้รับ Fwd เมล์ ของท่าน ว.วชิระเมธี หลายฉบับ  อันนี้ เป็นอีกอันนึงที่อยา่กจะเอามาลงเก็บไว้ มาแชร์ ให้คนอื่นๆได้ดูกันบ้าง ท่านมีหลักคำสอนที่ทันสมัย ทำให้คนรุ่นใหม่ เข้าใจได้ง่าย อ่านแล้วจำ จำแล้วนำไปใช้ 555
























สาธุ ~~~~~~~

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

คำคมๆ จาก CEO, DTAC

ได้ไปงานสัมนา CEO, CIO ระดับประเทศหลายๆท่าน มาพูดถึง องค์กรตัวเอง อธิบายภาพ การวางแผน

เรื่องระบบ IT ต่างๆ ทำให้เห็นว่า วิสัยทัศน์ ของผู้บริหารระดับสูง เค้าสุดยอดกันจริงๆแต่ละคน


คนนึงที่เราจับใจความได้และจดเอาไว้ คือ CEO ของ DTAC ที่เป็นคนไทยนะ

เค้าให้คำคมคำนึง ที่ชอบมากๆคือ

" You don't have to be the best.
  
  You don't have to be better, but you must be different.

  A little thing different make a big thing "Excellent". "


รู้สึกว่าเอาไปเป็นปรัชญา ชีวิตได้หลายด้านเลยทีเดียวแล้วแต่ใครจะไปประยุกต์ใช้

จำไว้ว่า ทุกคนย่อมมีความต่างของตัวเอง อยู่แล้วหามันให้เจอ แล้วเอามันออกมาใช้

ให้เป็นประโยชน์

วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554

ปราชญ์เศรษฐีคนที่ 2 ของ โลก "อ่านแล้วชอบมาก"..^^



คัดลอกจาก Fwd เมล์อีกที ต้องขอขอบคุณบุรุษนิรนามไว้ ณ  ที่นี้ 
   
“ ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา... 
จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว 
ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร 
แค่บินไปให้ถึงฝัน เท่านั้นพอ ” 
The point... 

  

อ่าน และส่งต่อมาแล้วหลายครั้ง แต่มาอ่านทวนทีไรก็ชอบใจทุกที 

ชีวิตพอเพียงของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก 
วอร์เรน บัพเฟตต์ ( Warren Buffet) 




มีรายการสัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมงของสถานีโทรทัศน์ CNBC สัมภาษณ์ วอร์เรน บัพเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก (รองจากบิล เกตส์) ซึ่งบริจาคเงินให้การกุศลถึง
 
31,000ล้านดอลล่าร์ 


เป็นเงินไทยก็ราวๆ 1,000,000,000,000 อ่านว่า ล้าน ล้านบาท โอ้แม่เจ้า) 


ต่อไปนี้คือแง่มุมบางส่วนที่น่าสนใจยิ่งจากชีวิตของเขา : 


1) เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป! 

2) เขาซื้อไร่เล็กๆ เมื่ออายุ 14 โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์ 

3) เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิมขนาด ห้องนอน กลางเมืองโอมาฮา ที่ซื้อไว้หลังแต่งงานเมื่อ 50 ปีก่อน เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้ บ้านเขาไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม 

4) เขาขับรถไปไหนมาไหนต้วยตนเอง ไม่มีคนขับรถหรือคนคุ้มกัน 

5) เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว แม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

6) บริษัท เบิร์กไช แฮทะเวย์ ของเขามีบริษัทในเครือ 63 บริษัท เขาเขียนจดหมายถึงซีอีโอของบริษัทเหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียว เพื่อให้เป้าหมายประจำปี เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับซีอีโอเหล่านี้เป็นประจำ 

7) เขาให้กฎแก่ ซีอีโอ เพียงสองข้อ 
กฎข้อ อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย 
กฎข้อ อย่าลืมกฎข้อ 

8 ) เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ การพักผ่อนเมื่อกลับบ้าน คือทำข้าวโพดคั่วกินและดูโทรทัศน์ 

9) บิล เกตส์ คนที่รวยที่สุดในโลก เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน บิล เกตส์คิดว่าตนเองไม่มีอะไรเหมือนวอร์เรน บัพเฟตต์เลย จึงให้เวลานัดไว้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อบิล เกดส์ได้พบบัฟเฟตต์จริงๆ ปรากฏว่าคุยกันนานถึงสิบชั่วโมง และบิล เกตส์กลายเป็นผู้มีศรัทธาในตัววอร์เรน บัพเฟตต์ 

10) วอร์เรน บัพเฟตต์ ไม่ใช้มือถือ และไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน 

11) เขาแนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า : 


ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง 


มหาเศรษฐีหรือยาจก 
กินข้าวแล้วก็อิ่ม มื้อ เท่ากัน 


มหาเศรษฐีหรือยาจก 
มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากัน 

มหาเศรษฐีหรือยาจก 
มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนกัน 

มหาเศรษฐีหรือยาจก 
จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน


อยากปฏิบัติให้ได้แบบนี้ จัง พอเพียง เพียงพอ เหมือนที่พ่อหลวงสอนคนไทยทุกคน ^^